บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2022

หัดขับรถวันแรกในรอบที่เรียนมาแล้ว 3 ครั้ง

รูปภาพ
 หัดขับรถวันแรกในรอบที่เรียนมาแล้ว 3 ครั้ง พี่จวนจ้า (Juan Ja) เรียนขับรถมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 และตั้งใจว่าจะต้องขับรถให้เป็นให้ได้ เรียนขับรถครั้งแรกเมื่ออายุ 37 ปี ตอนนั้นเรียนขับรถแถวคลองสาน ธนบุรี เมื่อเรียนจบก็ไม่ได้จับรถอีกเลย  เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไป จนอายุ 44 ปี พี่จวนจ้า (Juan Ja) ก็มาเรียนขับรถอีกครั้ง ที่โรงเรียนสอนขับรถในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเรียนเสร็จก็ได้จับรถขับข้ามอำเภอไปถึง 2 อำเภอเลยทีเดียว ตอนขับรู้สึกเกร็ง ขับรถท่องตลอดเวลา คันเร่ง เบรค กลัวสับสนนั่นเอง  เมื่อขับไปถึงอำเภอที่ 2 จะเข้าไปจอดรถที่ปั๊มน้ำมัน ในใจก็บอกว่าเหยียบเบรค แต่ขาดันไปเหยียบคันเร่ง ดีนะที่พี่สาวนั่งไปด้วย และดีที่เป็นฟุตบาทมันเลยไม่ขึ้นฟุตบาทไป  เมื่อขับกลับบ้าน ความรู้สึกตอนลงจากลง ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ เป็นเพราะความเกร็ง ความเครียดตอนขับนั่นเอง ทำให้พี่จวนจ้า (Juan Ja) ไม่อยากจับรถอีกเลย ให้คนขับให้ดีกว่าเรานั่งสวย ๆ สบาย ๆ ดีกว่า มาเที่ยวนี้เป็นครั้งที่ 3 ของการเรียนขับรถ จำเป็นต้องขับให้เป็น เพราะสามีไม่ได้อยู่กับพี่จวนจ้า (Juan Ja) แล้ว ครั้งนี้พี่จวนจ้า (Juan Ja) อายุย่าง 47

เลือกที่จะเงียบในวันที่มีปัญหา

รูปภาพ
 เลือกที่จะเงียบในวันที่มีปัญหา เคยมั้ยค่ะเวลาเรามีปัญหา เรามักจะพูดให้คนโน้นคนนี้รับฟัง มันก็ดีที่ทำให้เรามีที่ปรึกษา หรือทำให้เราได้ระบายความในใจออกมา Cr.Pixabay แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าเรา นำปัญหานั้นมาคิด มาไตร่ตรองกับตัวเองเสียก่อน ว่าปัญหานี้เกิดจากสาเหตุอะไร แล้วใจเราอยากแก้ปัญหานี้อย่างไร? ถ้าเป็นปัญหาที่ทำงาน ก็ควรที่จะปรึกษากับทีมหรือกับเพื่อนร่วมงานได้เลย แต่ถ้าเป็นปัญหาทางใจ ปัญหาคู่รักละ เราจะทำอย่างไร? Cr.Pixabay ลองทำตามพี่จวนจ้าดูค่ะ อาจจะไม่เหมือนใคร แต่มันก็ทำให้เรื่องดี ๆ กลับคืนมาก็ได้ ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีอารมณ์ขุ่นมัวทั้งคู่ ก็ควรต่างหาที่สงบ ๆ พิจารณา ค่อย ๆ คิดว่าสาเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะเรา หรือเพราะเขา หรือเพราะบุคคลที่ 3 ที่ 4 อย่าเพิ่งโทษแต่อีกฝ่าย ควรหันมามองตัวเองด้วย พิจารณาให้ความเป็นกลาง  เมื่อยังหาสาเหตุไม่ได้ ใช้เวลาไตร่ตรองแล้วเมื่อยังไม่รู้สาเหตุ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ตอนนี้ควรหันมาคุยกันว่าที่มีปัญหาเกิดจากอะไร? และจะแก้ไขอย่างไร? ถ้าคุยกันรู้เรื่องแล้ว ก็ให้ควรให้ความสำคัญและเอาใจใส่กับปัญหา หาทางแก้ไขปัญหา ไม่ว่าปัญหานั้นจะจบ

การก้าวข้าม

รูปภาพ
 การก้าวข้าม การก้าวข้ามก็คล้าย ๆ กับการขจัดปัญหา มันคือการที่เรารู้จักข้ามผ่านจุดนั้นไปให้ได้ เมื่อเราเจอกับปัญหา บางคนอาจเลือกที่จะหนีปัญหา แต่การที่หนีกับปัญหาไม่ใช่ว่าปัญหาจะหายไป บางทีมันอาจจะแย่ไปกว่าเดิมก็ได้ ฉะนั้นเรามาดูกันว่าเราจะก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้นอย่างไร Cr.pixabay ยอมรับมัน ไม่ว่าปัญหานั้นมันจะใหญ่เพียงใด สิ่งที่ทำได้ก็คือเราต้องยอมรับมันให้ได้ว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว หาสาเหตุว่าปัญหาเกิดจากอะไร เมื่อเราหาสาเหตุของปัญหาเจอ การแก้ปัญหาก็เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุของปัญหาแล้ว ก็เข้าไปแก้มันตรงนั้น  แต่บางครั้งปัญหาก็ไม่ง่ายที่จะแก้ไขกันได้ง่าย ๆ หรืออาจแก้ไขไม่ได้เลย ทั้งที่พยายามทำจนเต็มที่แล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ และทำใจยอมรับมันซะ และเดินหน้าทำอย่างอื่นต่อไป แม้ปัญหานั้นจะทำให้เศร้า หดหู่ เรามาก้าวข้ามไปพร้อมกันคือ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นมาได้ ตั้งสติยอมรับมัน และทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทำตัวให้สนุกกับสิ่งที่ทำ หาสิ่งที่ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับมัน เช่น ดูซีรี่ย์ ดู Tiktok ช่วยให้เ